แม้จะผ่านมาแล้วเกือบ 1 เดือนเต็ม นับจากวันที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทำสัญลักษณ์รูปหัวใจ กับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลคำพูดจาก เว็บสล็อต มาแรงอันดับ 1
พร้อมยืนยันว่า ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ทั้ง 2 พรรคจะพิจารณาร่วมกัน ไม่คำนึงถึงว่าเป็นโควตาของพรรคใดพรรคหนึ่ง และจะไม่ให้เกิดเป็นปัญหาอุปสรรคต่อการจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคการเมือง พร้อมทั้งยืนยันว่า “ดีลลับอะไรต่างๆ พรรคเพื่อไทยยืนยันเราจะเปลี่ยนเป็นดีลรัก ให้หมด เพื่อรัฐบาลของประชาชน”
"ปดิพัทธ์" พร้อมนั่งประธานสภา มั่นใจคุมเกมได้-รับฟังทุกฝ่าย
เพื่อไทยยึดสูตร 14+1 เจรจาก้าวไกลไม่ปล่อยเก้าอี้ประธานสภา
"ธรรมนัส" ปัดเสนอ "สุชาติ" ชิงประธานสภา ตามที่ "เอ๋ ปารีณา" ออกมาแฉ
แต่จนถึงวันนี้ พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องตำแหน่งประธานสภา อย่างที่หลายฝ่ายคาดหวัง ขณะที่เงื่อนเวลาในการประชุมสภาเพื่อโหวตเลือกประธานและรองประธานสภา เหลืออีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงวันเปิดประชุมสภาแล้ว
แม้ก่อนหน้านี้จะมีสัญญาณจากแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคนรต่างออกมาแสดงจุดยืนในหลักการที่ว่า พรรคอันดับหนึ่ง
โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ ย้ำจุดยืนการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยพรรคเพื่อไทยเห็นชอบในหลักการ พรรคที่ได้คะแนนอันดับ 1 จะต้องทำหน้าที่ประธานสภา ซึ่งพรรคอันดับหนึ่งหมายถึงพรรคการเมืองที่ได้เสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งระบบเขต และบัญชีรายชื่อมากที่สุด
สอดคล้องกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ออกมากล่าวย้ำหลักการว่าพรรคที่ชนะการเลือกตั้งอันดับ 1 ควรครองตำแหน่งประธานสภา และพรรคอันดับ 2 หากคะแนนเสียง ส.ส.ห่างกันไม่มาก ก็ควรได้ครองตำแหน่งรองประธานสภาทั้ง 2 ตำแหน่ง
ซึ่งจากท่าทีดังกล่าวของแกนนำพรรคเพื่อไทย ก็ทำให้นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ก็ได้ขอบคุณผู้บริหารพรรคเพื่อไทยที่มีท่าทีออกมาในลักษณะนี้ ทำให้การทำงานร่วมกันดีขึ้น
แต่หลังจากนั้นกลับเกิดกระแสป่วนภายในพรรคเพื่อไทย จากบรรดา ส.ส.ของพรรค ที่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยได้ตำแหน่งประธานสภา จนทำให้กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ต้องเรียกประชุม พร้อมทั้ง ส.ส.ของพรรค และมีข้อเสนอยืนยันหลักการเดิม ตามสูตร 14+1 คือ 14 ตำแหน่งรัฐมนตรี และ 1 ตำแหน่งประธานสภา และมอบหมายให้คณะกรรมการเจรจาของพรรค นำข้อเสนอดังกล่าวไปเจรจากับพรรคเพื่อไทย
จนส่งผลให้การนัดประชุมของคณะกรรมการเจรจาของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ต้องเลื่อนการประชุมออกไป กระทบไปถึงการประชุมของแกนนำ 8 พรรคร่วม ที่ต้องเลื่อนออกไปเช่นกัน เนื่องจากพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องประธานสภา
ล่าสุดมีการแจ้งนัดประชุม 8 พรรคการเมืองร่วมจัดตั้งรัฐบาล ในวันที่ 2 ก.ค. 2566 ที่พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นเวลาเพียง 2 วันก่อนมีการประชุมเพื่อเลือกประธานสภา
ต้องจับตาดูกันว่าสุดท้ายแล้ว บทสรุปตำแหน่งประธานสภาระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจะจบอย่างไร และนิยาม “ดีลรัก” จะหวานชื่นหรือขื่นขม ต้องจับตาดูกันต่อไป