ชาวอินโดนีเซีย ตื่นตัวเลือกตั้งใหญ่ 14 ก.พ.นี้

นี่ถือเป็นการเลือกตั้งที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลก โดยผู้มีสิทธิ์มากกว่า 204 ล้านคน และมีหน่วยเลือกตั้งมากถึง 820,000 แห่งทั่วประเทศ และต้องใช้เจ้าหน้าที่กว่า 7 ล้านคนดูแลการเลือกตั้ง ขณะที่ผู้นำคนปัจจุบันถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่าใช้บารมีตัวเองเข้าแทรกแซงเพื่อให้ลูกชายตัวเองชนะเลือกตั้ง

บรรดาเจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง กำลังเตรียมความพร้อมในวันสุดท้าย ก่อนที่ประชาชนจะมาหย่อนบัตรกันในวันพรุ่งนี้ (14 ก.พ.)โดยคูหาเลือกตั้งจะเปิดตั้งแต่ในเวลา 07.00 -13.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นในช่วงเวลา 3 ไทม์โซน

อินโดนีเซียใช้ Deepfake AI ปลุกชีพนายพลเผด็จการช่วยหาเสียงเลือกตั้ง

จับตาคำพูดจาก สล็อตเว็บตรงฝาก! เลือกตั้งใหญ่อินโดนีเซีย 14 ก.พ. นี้

คาดการณ์กันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์จำนวนมาก เนื่องจากวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดราชการ รวมถึงประชาชนในอินโดนีเซียส่วนใหญ่มีความตื่นตัวทางการเมืองโดยการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในปี 2019 มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์สูงถึงร้อยละ 81

ในส่วนของการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ขณะนี้คาดการณ์กันว่า คนที่น่าจะได้รับชัยชนะคือ ปราโบโว ซูเบียนโต (Prabowo Subianto)เขาเคยลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีมาแล้ว 2 ครั้งคือ ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2014 และ ปี 2019 แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งอย่างประธานาธิบดีโจโกวี ผู้นำคนปัจจุบันทั้ง 2 ครั้ง

ซูเบียนโต เป็นอดีตนายทหารและเป็นลูกเขยของซูฮาร์โต อดีตผู้นำเผด็จการของอินโดนีเซียปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เขาเกิดในครอบครัวนักการเมืองที่ฐานะร่ำรวย ในช่วงวัยเด็กได้เดินทางไปศึกษาในยุโรป เมื่อกลับมายังอินโดนีเซีย เขาได้เข้าร่วมกับกองทัพก่อนจะได้เลื่อนขั้นอย่างรวดเร็ว

โดยเคยมีตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองกำลังพิเศษชั้นยอดของอินโดนีเซียหรือ “โคปาสซุส” ภายใต้การนำของซูเบียนโต หน่วยโคปาสซุสถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการลักพาตัวนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยกว่า 20 คน รวมถึงถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนในติมอร์ตะวันออกอย่างหนัก

ทั้งนี้ ซูเบียนโต ไม่เคยถูกดำเนินคดีจากข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างไรก็ตาม ในปี 1998 ซูเบียนโตถูกปลดออกจากกองทัพ เขาเนรเทศตัวเองไปอยู่จอร์แดน และถูกสั่งห้ามเดินทางเข้าออสเตรเลียและสหรัฐฯจนกระทั่งในปี 2020 เขาเดินทางกลับอินโดนีเซียและได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีโจโกวี ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

สาเหตุที่หลายฝ่ายคาดการณ์กันว่าซูเบียนโตจะชนะการเลือกตั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาได้ดึงตัว กิบราน ราคาบูมิง ราคา (Gibran Rakabuming Raka) ลูกชายคนโตของประธานาธิบดีโจโกวี ผู้นำคนปัจจุบัน มาเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี เพื่อกวาดคะแนนนิยมจากประชาชนที่ชื่นชอบประธานาธิบดีโจโกวี ซึ่งในคราวนี้ไม่ได้ลงเลือกตั้งเนื่องจากดำรงตำแหน่งครบ 2 สมัยแล้ว การดึงกิบราน ลูกชายของประธานาธิบดีโจโกวีมาลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ก่อให้เกิดเสียงครหาหนัก เนื่องจากกิบรานอายุยังไม่ถึง 40 ปีตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด แต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินในเขาลงเลือกตั้งได้ เพราะเคยบริหารงานในระดับภูมิภาคมาก่อน

นอกจากจะได้คะแนนเสียงจากคนที่สนับสนุนประธานาธิบดีโจโกวีแล้ว อีกเหตุผลที่ซูเบียนโตถูกคาดหมายว่าจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง คือการได้คะแนนเสียงมากขึ้นจากคนรุ่นใหม่ หลังจากมีการปรับภาพลักษณ์ที่ดุดันแบบทหาร กลายเป็นคุณปู่ที่ดูเป็นมิตร ด้วยการใช้มีมเป็นตัวการ์ตูนที่มีรูปร่างตุ้ยนุ้ย จนทำให้คนตั้งฉายาว่า “เจมอย” หรือที่หมายความว่า ทุกสิ่งที่น่ารักน่ากอด

นอกจากนี้ ซูเบียนโต ยังใช้โซเชียลมีเดียในการหาเสียงอย่างเข้มข้น เช่น โพสต์คลิปการเต้นลง Tiktok โพสต์ภาพแสดงถึงความเป็นทาสแมว และทำมือรูปหัวใจโพสต์ลงในอินสตาแกรม โซเซียลมีเดียถูกทีมงานของซูเบียนโตใช้เป็นเครื่องมือในการหาเสียง เนื่องจากประชากรมากกว่าครึ่งที่มีสิทธิ์เลือกตั้งเป็นกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลและ Gen Z โดยคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่ใช้โซเชียลมีเดียแบบเข้มข้น

ข้อมูลจาก Meta ซึ่งเป็นเจ้าของ Facebook ระบุว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา บัญชี Facebook และบัญชีที่เกี่ยวข้องกับซูเบียนโตใช้จ่ายเงินในการโฆษณาถึง 144,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนมากเป็นสองเท่าหรือสามเท่าของผู้แข่งขันรายอื่นๆ

จากผลสำรวจของอินดิเคเตอร์ โพลิติก (Indikator Politik) และ เลมบากา เซอร์เวย์ อินโดนีเซีย (Lembaga Survei Indonesia) คาดการณ์ว่า เขาจะได้รับคะแนนเสียงข้างมากด้วยคะแนนสนับสนุนถึงร้อยละ 51.9 ในขณะที่คู่แข่งอีก 2 คน ได้แก่ อานีส บาสเวดัน (Anies Baswedan) อดีตผู้ว่ากรุงจาการ์ตา และ กันจาร์ ปราโนโว (Ganjar Pranowo) อดีตผู้ว่าจังหวัดชวากลาง มีคะแนนตามมาเท่าๆ กันที่ร้อยละ 20 การได้คะแนนเสียงเกินร้อยละ 50 หรือเกินครึ่ง หมายความว่า ซูเบียนโต จะชนะแบบม้วนเดียวจบ และจะไม่มีการเลือกตั้งในรอบที่ 2 เพื่อชี้ขาดหรือ Runoff

ซูเบียนโต ซึ่งคาดว่าจะเป็นผู้นำคนใหม่ นอกจากจะมีแผลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสมัยที่เป็นนายพลแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่เขาถูกกล่าวหาคือ การขาดความโปร่งใสในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกระทรวงกลาโหมที่เขาเป็นเจ้ากระทรวงอยู่ในตอนนี้อเล็กซ์ อาริเฟียนโต (Alex Arifianto) นักวิจัยจากสถาบันการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเอส ราชารัตนาม หรือ RSISในสิงคโปร์ ระบุว่า

ซูเบียนโต มีสายสัมพันธ์ที่ฝังลึกซึ้งแน่นแฟ้นกับทหารและชนชั้นสูงทางการเมืองและการมีส่วนได้ส่วนเสียของเขาอาจเป็นอุปสรรคของความพยายามในการลดการทุจริตคอร์รัปชันซึ่งกำลังบั่นทอนประชาธิปไตยในอินโดนีเซีย

ในส่วนของประธานาธิบดีโจโกวี ก็กำลังเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ใช้อิทธิพลและบารมีของตนเองเข้าแทรกแซงทางการเมืองเพื่อให้ซูเบียนโตและลูกชายชนะการเลือกตั้ง เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นักศึกษาจำนวนมากได้ออกมาประท้วงเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโจโกวี วางตัวเป็นกลาง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างยุติธรรมและโปร่งใส

การเลือกตั้งครั้งนี้ของอินโดนีเชียเกิดท่ามกลางปัญหาทางเศรษฐกิจ และความเสื่อมถอยของระบอบประชาธิปไตยในประเทศจากข้อมูลสถิติของอินโดนีเซีย ระบุว่า จีดีพีของอินโดนีเซียเมื่อปีที่แล้วหรือปี 2023 ที่อยู่ที่ร้อยละ 5.05 ลดลงจากปีก่อนหน้าที่โตร้อยละ 5.3ตัวเลขจีดีพีที่ลดลงส่งผลต่อการจ้างงาน

ขณะที่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี คิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดก็มีข้อกังวลที่สำคัญคือเรื่องของการจ้างงาน

จากสถิติของอินโดนีเซียพบว่า อัตราการว่างงานในเดือนสิงหาคมปี 2023 เพิ่มสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้า โดยอยู่ที่ร้อยละ 5.32 และค่าจ่างรายเดือนโดยเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 3.18 ล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 7,200 บาท

104 แคปชัน-คำอวยพร วาเลนไทน์ 2567 ประโยคเด็ดบอกสถานะ โสด มีคู่ อกหัก

ปลดป้ายครอบครองปรปักษ์ ทนาย-ตร.พาเจ้าของบ้านตัวจริง ลุยเอาบ้านคืน

"เชลซี" ยื่น 2 เงื่อนไขชี้ชะตา "โปเช็ตติโน่"

 ชาวอินโดนีเซีย ตื่นตัวเลือกตั้งใหญ่ 14 ก.พ.นี้